เมื่อเวลา 21.30 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจนครบาลลาดพร้าว บาคาร่าเว็บตรง ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ร้านจำหน่ายแก๊สหุงต้ม ซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์ บริเวณถนนนวมินทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหาคร จึงได้ทำการประสานเจ้าหน้าที่ดับเพลิง พร้อมเดินทางไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ
โดยในที่เกิดเหตุพบแสงเพลิงซึ่งได้ลุกไหม้อาคารพาณิชย์ เพลิงกำลังลุกไหม้อย่างรุนแรง
เจ้าหน้าที่ต้องปิดการจราจรชั่วคราว เพื่อให้รถดับเพลิงเข้าไปดับไฟ โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาทีถึงควบคุมเพลิงไว้ได้ จากการตรวจสอบพบว่าที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์สูง 3 ชั้น เปิดเป็นร้านจำหน่ายแก๊สหุงต้ม เพลิงได้ลุกไหม้เสียหายทั้งหมด
เจ้าของร้านที่เกิดเพลิงไหม้เผย ขณะเกิดเหตุเขาและภรรยาได้ออกไปทำธุระนอกบ้าน เมื่อกลับมาถึงภรรยากำลังเปิดประตูพบไฟกำลังลุกไหม้อยู่กลางบ้าน จึงรีบวิ่งหนีออกมา จากนั้นไม่ได้นานได้มีเสียงระเบิดดังขึ้นก่อนที่ไฟจะลุกลามพุ่งขึ้นด้านบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่เจ้าของบ้านที่อยู่ใกล้กับ ที่ถูกไฟไหม้ได้รับความเสียหายเล่าว่า ก่อนเกิดเหตุได้กลิ่นแก๊สรั่วออกมาจากร้านแก๊ส จากนั้นไม่นานได้มีเสียงระเบิดดังขึ้น เขาและคนในบ้านจึงรีบวิ่งหนีตายก่อนออกมา
เบื้องต้นพบว่าเพลิงได้ลุกไหม้ตัวอาคารเสียหาย 3 คูหา ส่วนสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ตำรวจอยู่ระหว่างตรวจสอบ เบื้องต้นไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจะประสานกองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้ง จากเหตุการณ์ครั้งนี้ เราจึงประมาทกับแก๊สไม่ได้ ทั้งนี้ขอให้ผู้อ่านอย่าลืมปิดหัวแก๊สทุกครั้งหลังใช้งาน เพื่อความปลอดภัยของท่านและทรัพย์สิน
รวบทันควันเบ๊นซ์ตีนผีชนคนมือขาด เมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 5 ก.พ. 63 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ประเวศ พร้อมด้วยอาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู รับแจ้งอุบัติเหตุบนถนนเลียบมอเตอร์เวย์ เขตสะพานสูง กรุงเทพมหานคร ที่เกิดเหตุพบผู้บาดเจ็บ 1 คน นอนหมดสติ ข้อมือขวาขาด ขาขวาผิดรูป เจ้าหน้าที่จึงช่วยกันปฐมพยาบาลเบื้องต้นด้วยการปั้มหัวใจ และนำส่งที่โรงพยาบาลวิภาราม เป็นการเร่งด่วน
ต่อมาทราบชื่อผู้บาดเจ็บคือ นายพีระพันธุ์ มินเจริญ อายุ 19 ปี ห่างออกไปประมาณ 50 เมตรพบรถจักรยานยนต์สีฟ้า หมายเลขทะเบียน 9กผ 9261 กรุงเทพมหานคร อยู่ในสภาพเหลือแต่โครงรถ ใกล้กันพบรถเบนซ์ สีบรอนซ์เทา หมายเลขทะเบียน สฮ 21 กรุงเทพมหานคร สภาพด้านหน้าขวาพังเสียหาย กระจกหน้าแตกและมีคราบเลือดและเศษหนังติดอยู่
จากการสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์ เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุเห็นผู้บาดเจ็บขี่รถจักรยานยนต์อยู่บนถนนเลียบมอเตอร์เวย์ มุ่งหน้าไปทางถนนศรีนครินทร์ ส่วนรถเบนซ์ขับมาในทิศทางตรงกันข้าม และพุ่งชนรถจักรยานยนต์อย่างจัง จนทำให้ตัวของผู้บาดเจ็บกระเด็นออกและไปตกที่อยู่ข้างทาง และมีชิ้นส่วนของรถกระจายเต็มถนน ซึ่งหลังเกิดเหตุคนขับเบนซ์ได้ออกมาจากตัวรถสวมเสื้อสีขาว กางเกงยีนส์ขายาว และเดินหลบหนีไป หลังจากนั้นคนขับเบนซ์ก็เดินกลับเข้ามาในที่เกิดเหตุแต่เปลี่ยนเสื้อเป็นสีดำ เบื้องต้น ตำรวจได้ทำการสอบปากคำผู้ที่เห็นเหตุการณ์ และเชิญตัวคนขับรถเบนซ์ไปสอบปากคำที่ สน.ประเวศต่อไป
ครูปรีชา เดินหน้าคดีหวย30ล้าน พร้อมซัดทนายตั้ม
เวลา 09.00 น. วันที่ 5 ก.พ. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นายปรีชา ใคร่ครวญ พร้อมนายวรยุทธ บุญวงษ์ใส ทนายความ เข้าติดตามความคืบหน้าของคดีหวย 30 ล้านบาท หลังจากที่เคยร้องเรียนว่านายษิทรา เบี้ยบังเกิด และ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล หรือหมวดจรูญ อดีตข้าราชการตำรวจ สภ.บ่อพลอย อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี ฝ่ายคู่กรณี ได้นำเอกสารซึ่งอยู่ในสำนวนคดีไปใช้ในกระบวนการศาล
ครูปรีชา กล่าวว่า วันนี้นัดหมายกับทนายความมาติดตามความคืบหน้าในเรื่องที่เคยร้องเรียนกองปราบฯว่า มีบุคคลกลุ่มหนึ่ง ได้นำข้อมูลทางโทรศัพท์ซึ่งอยู่ในสำนวนคดีหวย 30 ล้านบาท ไปใช้การพิจารณาคดีที่ศาลจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเอกสารดังกล่าวเป็นของส่วนตัว ที่แม้แต่ตนก็ยังไม่ได้รับ แต่คู่กรณีนำมาซักค้านในศาล จึงอาจมีผลต่อรูปคดี ซึ่งก็ไม่ทราบว่าใครได้มา และได้มาอย่างไร
ทั้งนี้ หากไม่มีความคืบหน้าทางคดี ก็อาจจะฟ้องร้องเอง โดยจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เพราะการนำเอกสารส่วนตัวไปใช้ในขั้นตอนการพิจารณาคดีได้สร้างความเสียหายแก่ตน ส่วนการต่อสู้ทางคดีนั้น ได้ขออุทธรณ์ต่อศาลไปแล้ว ความจริงก็คือความจริง ยังยืนยันว่าหวยฉบับนั้นเป็นของตน เพราะการจะซื้อเลขดังๆ นั้นต้องสั่งล่วงหน้าไว้ก่อนกับผู้ขายก่อน เชื่อว่าหมวดจรูญไม่ได้ซื้อหวยฉบับนั้นแน่นอน เพราะเจ้าตัวไม่สามารถตอบในชั้นศาลได้ว่าไปซื้อหวยมาจากใครที่ไหน
ด้านนายวรยุทธ กล่าวว่า วันนี้มาร้องขอให้ตำรวจดำเนินการตรวจสอบบุคคลทั้งหมด 5 คน เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 นาย เพราะเอกสารข้อมูลทางโทรศัพท์ทั้งหมดอยู่ในสำนวนคดีของพนักงานสอบสวน ซึ่งเครือข่ายโทรศัพท์ต้นทางก็ระบุไว้ หากจะขอ ต้องมีคำร้องจากศาล ทั้งนี้ ต้องพิจารณากันต่อไปว่าการนำเอกสารส่วนบุคคลมาใช้ในการพิจารณาคดี จะเข้าข่ายความผิดใดได้บ้าง
ผลการตรวจสอบบุคคลดังกล่าว พบว่าไม่มีบัตรมัคคุเทศก์จริง จึงเชิญตัวมาสอบถามข้อเท็จจริงและได้อธิบายพฤติการณ์ของมัคคุเทศก์ที่ไม่มีบัตรว่าเป็นการกระทำดังกล่าวผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ.มัคคุเทศก์ฯ จึงขอตรวจสอบบัตรประชาชน ชื่อ-สกุล ซึ่งทางผู้ถูกเชิญตัวได้อธิบายข้อเท็จจริงให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ทำการตรวจสอบว่า ตนเองไม่ได้เป็นมัคคุเทศก์ แต่ได้รับงานถ่ายภาพให้กับนักท่องเที่ยวโดยซื้อคอร์สถ่ายภาพและพาไปถ่ายตามสถานที่ต่างๆที่ตนเองกำหนด เป็นเวลา 6 ชั่วโมง ตามวันเวลาดังกล่าวโดยได้รับค่าจ้างจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ชั่วโมงละ 600 บาท บาคาร่าเว็บตรง